วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

                                                30  นิสัยผู้หญิง

1. ถ้าชวนให้ผู้หญิงไปออกกำลังกาย วันรุ่งขึ้นเธอจะบ่นปวดแขนปวดขาไปทั้งวัน แต่ถ้าให้เธอหิ้วถุงใส่ของหนัก เดินช้อปปิ้ง เธอจะเดินได้เป็นวันๆ โดยไม่บ่นซักคำ

2. คำถามว่า "ฉันอ้วนหรือเปล่า" เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะยังไงผู้หญิงก็คิดว่าตัวเองอ้วนตลอดวเลาอยู่แล้  ว

3. กระเป๋าถือของผู้หญิง คือถ้ามหาสมบัติ เป็นที่รวมของ ของที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ กับของที่ผู้ชายไม่เข้าใจว่าเธอจะแบกมันเดินไปเดินมา ทำไม

4. ผู้หญิงใช้ลิปติกไม่เคยหมดแท่ง เพราะเธอมีจะสีใหม่มาให้ลองใช้ก่อนที่สีเก่าจะหมดเสม  อ

5. ผู้หญิงชอบให้มีผู้ชายมาจีบ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชอบทุกคนที่เข้ามาก็เถอะ

6. ต่างหู กระเป๋า รองเท้า และเสื้อผ้า คือไฟแดงของผู้หญิง .. เจอเป็นไม่ได้ต้องหยุดดูทุกที

7. ผู้หญิงสวยเกลียดผู้หญิงที่สวยกว่า นี่คือสัจธรรม!!

8. เวลาผู้หญิงตอบว่า "ไม่มีอะไร" หนุ่มๆ ควรนึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วเอาไว้ เพราะมันต้องมีอะไรแน่ๆ

9. เวลาที่ผู้หญิงร้องไห้ คือโอกาสทองที่จะพิชิตหัวใจเธอ

10. โลกนี้ไม่มีผู้หญิงที่ความจำสั้น เพราะพวกเธอสามารถจำเหตุการณ์สำคัญได้ทุกรายละเอียด โดยเฉพาะความผิดที่แฟนหนุ่มเคยทำไว้

11. ผู้หญิงที่ไม่มีมารยา คือผู้หญิงที่ตายแล้ว

12. ผู้หญิงเกิดมาคู่กับดอกไม้ และจะยอมไม่ได้ถ้าคู่แข่งได้รับดอกไม้ช่อใหญ่กว่า

13. ผู้หญิงที่ชอบบ่นว่าตัวเองอ้วนมักจะมีช็อกโกแลตติดตู  ้เย็นอยู่เป็นประจำ

14. เวลาผู้ชายทำงานด้วยกัน ไม่นานจะจับกลุ่มก๊งเหล้าอย่างสนิทสนม ประหนึ่งพี่น้องคลานตามกันมา แต่ถ้าผู้หญิงทำงานด้วยกัน จะมีอย่างน้อยคู่หนึ่งที่ไม่ถูกกัน

15. ผู้หญิงไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี หญิงผมตรงมักอยากมีผมหยิก ส่วนผู้หญิงผมหยิกก็อยากผมตรง

16. เวลาถูกแฟนนอกใจ ผู้หญิงจะโกรธแฟน แต่จะเกลียดผู้หญิงคนที่มาแย่งแฟนเธอไป

17. ต่อให้เป็นผู้ชายที่ชอบประจบนายก็สู้ผู้หญิงที่ชอบปร  ะจบเมียนายไม่ได้

18. สาเหตุใหญ่ที่ผู้หญิงทะเลาะกับแฟนเพราะผู้หญิงมีความ  จำดีเกินไป

19. ช้อปปิ้งคือยาคลายเครยีดขนานเอกของผู้หญิง

20. แฟชั่นคือพี่น้องคู่แฝดของผู้หญิง คุณต้องข้ามศพเธอก่อนถ้าคิดจะพรากคู่แฝดของเธอไป

21. ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะอิจฉาเพื่อนสนิทของตัวเอง และจะชิงดีชิงเด่นกันอยู่ในที

22. ผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ โดยเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชาย เพราะเธอรู้ว่าผู้ชายชอบผู้หญิงแบบนั้น

23. การที่ผู้หญิงชอบข่มแฟนเป็นการกลบเกลื่อนปมด้อยที่ว่  าเธอแข็งแรงสู้เขาไม่ได้

24. ผู้หญิงไม่เคยมีเสื้อผ้าพอใช้และไม่เคยมีเสื้อใหม่ เพราะเสื้อตัวใหม่จะกลายเป็นตัวเก่าทันทีที่เธอได้เป  ็นเจ้าของมัน

25. ผู้หญิงส่วนใหญ่อ่านแผนที่ไม่เป็น แต่ไม่ยอมรับ

26. การลดความอ้วนคืองานอดิเรกของผู้หญิง อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เธอมีอะไรทำไปได้ตลอดชีวิต

27. ผู้หญิงเป็นเพศที่เสียสละเพื่อความรักได้มาก นานและถาวรกว่าผู้ชาย .. อันนี้ต้องยกความดีให้

28. ความอ่อนแอเป็นอาวุธอย่างหนึ่งที่ผู้หญิงหยิบเอามาใช ้เพื่อหลอกผู้ชาย แต่ที่จริงเธอไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขนาดนั้นหรอก ไม่เชื่อคุณลองเดินหนีไปสิ เธอจะลุกขึ้นมาแก้ปัญหาเองได้ทุกเรื่องเลยล่ะ

29. ใครว่าผู้หญิงสวยมักจะโง่ อย่างน้อยเธอก็ฉลาดพอจะใช้ความสวยเป็นเครื่องมือปั่น  หัวผู้ชายล่ะน่า

30. จะว่าไปผู้หญิงก็เหมือนกับนกหงส์หยก เพราะพวกเธอจะต้องส่องดูตัวเองทุกครั้งที่เดินผ่านกร  ะจกหรืออะไรที่มันสะท้อนแสงได้ดี....(ดูข้อมลเพิ่ม โปรดคลิกที่นี่)

หาแฟนควรรู้

                 25 วิธีที่ดีในการคบกันกับแฟนของคุณ ให้ด้านเนิ่นนาน หรือตลอดไป
1. อย่าเขินที่จะบอกรัก 

2 จดจำรายละเอียดของเขาหรือเธอ เช่น ชอบทานอะไร ชอบฟังเพลงแนวไหน กิจกรรมสุดโปรดคืออะไร แล้วหยิบยื่นสิ่งเหล่านี้ให้เธอหรือเขา เสมอ ๆ 

3. โรแมนติกให้ถูกที่ ถูกเวลา เรื่องโรแมนซ์ ใครจะไม่ชอบ แต่บางทีก็ต้องถูกกาลเทศะด้วยถ้าขืนกระโดดหอมแก้มแฟนกลางสยาม ใครล่ะจะไม่โกรธ!!! ลองหาสถานที่เหมาะๆ ดีกว่ามั้ย 

4. ให้เกียรติกันและกันเสมอ 

5. อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความรัก นึกถึงเรื่องดี ๆ ที่เขาเคยทำให้เราแล้วจะช่วยให้ความโกรธหรืออารมณ์ชั่ววูบเบาบางลง 

6. เมื่อมีปัญหาควรใช้เหตุผลในการพูดคุย ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่คนสองคนต้องมีเรื่องขัดแย้งแต่ถ้าทั้งคู่พร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากัน ปัญหาทั้งหลายจะกลายเป็นเรื่องขี้ผง 

7. ปล่อยให้ อีกฝ่าย มีเวลาเป็นของตัวเอง การเกาะติดแจมีแต่จะทำให้ความรักจืดจางได้ง่ายปล่อยให้เขาไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง หรือพยายามให้ตัวเองมีโลกส่วนตัวบ้างจะได้ไม่อึดอัด 

8. พูดกันตรงๆ แต่เลือกใช้คำที่ไม่ทำร้ายจิตใจ 

9. มีขอบเขตในการปรับตัว แน่นอนที่ทั้งเราและเขาต่างต้องปรับตัวเข้าหากัน แต่ก็ควรมีลิมิตด้วยไม่ใช่ยอมเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบที่เขาต้องการทุกอย่าง จนไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเองไม่มีใครสามารถเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่นได้นานหรอก 

10. ห้ามโกหก ข้อนี้สำคัญมาก เพราะจะไม่สามารถเชื่อใจกันได้อีก 

11. อย่าคาดคั้นหาคำตอบหากอีกฝ่ายยังไม่พร้อม บางครั้งการที่เราดึงดันจะรู้ให้ได้เดี๋ยวนั้นเลยว่าทำไม่? เพราะอะไร ? จะเอายังไง? เป็นการกดดันอีกฝ่ายอย่างไม่มีประโยชน์ หากเราและเขาอยู่ในสถานการณ์ ตึงเครียด ลองถอยออกมา 1 ก้าว ทำใจให้สงบ รอจนกว่าเขาพร้อม แล้วค่อยคุยเรื่องนี้กันใหม่ก็ยังไม่สาย 

12. ดูแลตัวเองให้เก๋กู๊ดอยู่เสมอ เขาจะได้ไม่มองคนอื่นไง 

13. ไม่ควรคาดหวังกับความรัก บอกแล้วว่าความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกของคนสองคนล้วน ๆ จึงเอาแน่เอานอนไม่ได้ อย่าคาดหวังว่าเขาจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ จะทำนั่นทำนี้ให้เรา เพราะถ้าผิดหวังจะเสียใจทั้งสองฝ่าย ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า 

14. ห้ามหลุดคำหยาบ ต่อให้ทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหนก็ไม่ควรด่าทอกันเสีย ๆ หาย ๆ มีแต่จะทำให้เข้าหน้ากันไม่ติด 

15. ซื่อสัตย์และไว้ใจกัน สองอย่างนี้จะทำให้คุณสองคน เป็นคู่ที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก 

16. หาสิ่งของที่ต้องดูแลร่วมกัน เช่น สัตว์เลี้ยง หรือ ต้นไม้ หรือกิจการเล็กๆ น่ารัก ๆ เพื่อสร้างความผูกพันระหว่างคนสองคน 

17. ให้โอกาสอีกฝ่ายในการแก้ไขข้อผิดพลาด ทีคนอื่นเรายังให้อภัยเขาได้และกับคนที่เรารัก เรายิ่งต้องให้อภัยและให้โอกาสเขา แต่ควรระวัง ไม่ว่าใครก็ตาม เราไม่ควรให้โอกาสเขาเกิน 3ครั้ง 

18. อย่าอายที่จะขอโทษ 

19. หากิจกรรมที่สร้างสรรค์ทำร่วมกันบ้าง เช่น ชวนกันเล่นแบดมินตัน ไปดูงานศิลปะ ด้วยกันบ่อยๆ นอกจากความรักจะสดใสแล้ว เรายังได้เจออะไรใหม่ๆ ในชีวิตอีกด้วย 

20. นึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ อย่ามัวแต่คิดว่าทำไมเขาไม่เข้าใจเรา ??? มันไม่มีประโยชน์แถมยังทำให้เราขี้น้อยใจอย่างไม่มีเหตุผล 

21. รู้สึกดีกับสังคมของเรา ทั้งพ่อแม่และพี่น้อง เพื่อน และคนรักเก่า รู้หรอกน่าว่ามันทำใจยาก (โดยเฉพาะรายหลังสุด) แต่ถ้าทำได้ มันจะยกระดับจิตใจของคุณให้สูงส่ง ทำให้คุณภูมิใจในตัวเอง และเขาก็จะ รักคุณเพิ่มขึ้นมากๆๆ 

22. อย่าปิดกั้นโอกาส ลองเปิดตัวเองให้รู้จักคนใหม่ๆ ไม่ได้แนะนำให้หลายใจนะจ๊ะ แต่การได้รู้จักคนเยอะๆ จะทำให้เรารู้ค่าคนใกล้ตัวและรู้ใจตัวเองมากขึ้น 

23. รู้จักที่จะใช้ภาษากาย ไม่ใช่ภาษาใบ้ แต่เป็นการสัมผัสร่างกายของอีกฝ่าย เช่น จับมือ ลูบหลัง ใครๆ ก็บอกว่ามันสามารถสื่อความในใจของเราได้ดีกว่าคำพูดหลายเท่าเชียว 

24. คิดถึงอนาคต แต่อย่าพูดบ่อย เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราผูกมัดแล้ว พาลหงุดหงิดใส่เพียงแค่รู้ว่าเราต่อไปเราอยากใช้ชีวิตแบบไหน แล้วพูดถึงมันในจังหวะเหมาะ ๆ แค่ครั้งเดียวก็พอ เพื่อทำให้เขารู้ว่าตัวคุณก็มี Plan ชีวิตเขาจะมาเล่น ๆ ไม่ได้

25. รักตัวเองให้มากๆ เพราะถ้าคุณไม่รักตัวคุณเองแล้วคุณจะไปรักใครที่ไหนได้เล่า 

วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เพื่อนที่ดี

                                                  เพื่อนที่ดี
"เพื่อน" เป็นคนที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อทุกคน ถ้าเรามีเพื่อนดีก็จะช่วยส่งเสริมให้เราเป็นคนดีที่ใครๆก็อยากคบหา แล้วเคยสังเกตตัวเองไหมว่า เพื่อนๆ มีคุณสมบัติของเพื่อนที่ดีแล้วหรือยัง ไม่แน่ใจใช่ไหม...


ถ้าอย่างนั้นอ่านหัวข้อด้านล่าง แล้วตอบว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่"
1. เพื่อนซี้ของคุณต้องการให้คุณช่วยถือกล่องหนักมาก เพราะจะไปทำธุระที่ห้องพักครู คุณรีบรับจากมือเพื่อนทันที...
2. คุณรู้ว่าเพื่อนชอบกินอะไร ฟังเพลงแนวไหน อ่านการ์ตูนเรื่องอะไร
3. คุณไม่เคยโกหกเพื่อนสักครั้ง
4. เมื่อไรอยากไปเที่ยวไหน ก็จะชวนเพื่อนซี้ไปด้วยเสมอ เพราะเราไปไหนไปกันอยู่แล้ว
5.ถ้าคุณทะเลาะกับเพื่อน แล้วกลับมาคืนดีกันคุณจะไม่เก็บเรื่องนั้นมาใส่ใจ
6. สมมุติว่าเพื่อนสนิทคุณได้เป็นดาว ร.ร. และมีคนมาแจกขนมจีบเป็นประจำ คุณจะไม่คิดน้อยใจว่าตัวเองไม่สวยและรักษามิตรภาพระหว่างเพื่อนตลอดไป
7. วันหนึ่งเพื่อนสนิทคุณลืมเอาเงินมา ร.ร.พอคุณรู้คุณรีบควักเงินให้เพื่อนยืมทันที
8. เพื่อนสนิทคุณเล่าความลับให้คุณฟัง และกำชับว่าอย่าบอกใคร ไม่ว่าใครมาคาดคั้นคุณก็จะปิดปากเงียบ
9. อยากให้คุณกับเพื่อนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป

เรียนเก่ง

             เคล็ดลับ การเรียนเก่ง

1.คุมเวลาตื่นนอนให้ได้ทุกวันก่อนครับ. 
       เช่น ตื่น โมงเช้านอน ทุ่ม ซัก เดือนติดต่อกัน 
ให้ได้ก่อนค่อยมาว่าจะอ่านหนังสือครับ. 
เพราะจะเป็นการจัดระบบมันสมองใด้อย่างดีเยี่ยม 

และจะรู้สึกว่าสมองมีพลังในการรับรู้ครับ. 
ถ้าทำข้อนี้ไม่ได้ อย่าคิดว่าจะเรียนให้ดีได้ยากครับ.


2. หลักการอ่านหนังสือใด ๆ ไม่จำเป็นต้องอ่านทีละนาน ๆ คะ

       เช่นตั้งไว้ว่า วันนึง เราจะ อ่านซัก 1 - 2 ชม.ก็เกินพอครับ. 
แต่สำคัญอยู่ที่ความต่อเนื่องครับ. ถ้ายังบังคับตัวเองไม่อยู่ ข้อ 1. ก็เป็นการฝึกบังคับอย่างนึงแล้ว 
ต้องอ่านทุกวัน ไม่มีวันหยุดครับ.

3. ที่ว่า 1 -2 ชม.นั้นต้องรู้ว่าตัวเองเราสามารถรับได้ครั้งละเท่าไรครับ.
       อย่างเช่นพี่จะ อ่านวันละ ชม. แต่แบ่ง เป็น ยกครับ. ครั้งละ 25 - 30 นาที 
และพัก 5- 10 นาที

4. อ่านจบวันนึง ๆ ต้องมีสรุปแบบเล่มยาว ๆ เลยนะครับ. 

        สรุปสั้น ๆ ว่าวันนี้ได้อะไรบ้าง สูตรอะไร ๆ หรือความเข้าใจอะไร

5. ถึงตอนนอนให้นั่งสมาธิซัก นาทีพอรู้สึกใจเริ่มนิ่ง ให้นึกที่เราสรุปไว้ เมื่อกี๊ครับ.
          ถ้านึกไม่ออกแสดงว่าสมาธิตอนอ่านหนังสือไม่ด ี
ให้เปิดไฟ ลุกออกไปดูที่สรุปใหม่ แล้วนึกใหม่ครับ.


6. ต้องรู้วิธีเรียนในแต่ละวิชาครับ.
        เช่น คณิต + ฟิสิกส์ เน้นความเข้าใจเป็นอันดับ 
เคมี เน้น เข้าใจ + ท่องจำบางอย่าง เช่น ตารางธาตุ ถ้าท่องยังไม่ได้แสดงว่าไม่เข้าใจว่ามันจำเป็นต้องจำ 
อังกฤษ เป็นเรื่องทักษะ ต้องใช้บ่อย ๆ ครับ. 
เวลาจะทำอะไรก็นึกเป็นภาษาอังกฤษบ้าง 
เช่นนึกจะทักเพื่อนว่าไปไหน ก็นึกว่า 
where do you go .? อะไรเป็นต้น 
แล้วก็ต้องเข้าใจ เป็นภาษาต่างด้าวยังมีคำหรือสำนวนที่เราไม่เข้าใจอีกเยอะ 
ดังนั้นเรื่องศัพท์ต้องรู้เยอะ ๆ เวลาจะไปดูหนัง Entertain กันทั้งที 
ก็เลือกดูเรื่องที่เขามีแต่ sub title เป็นภาษาอังกฤษ

7. วิธีเรียนพวกวิชาที่ใช้ความเข้าใจ

         อันดับแรกต้องรีบศึกษาเนื้อหาทั้งหมดให้จบอย่างรวดเร็วครับ. 
ถามว่าอ่านจากไหน อย่ามองไกลครับ. 
แบบเรียนนั่นล่ะ อย่าเพิ่งไปมองพวกคู่มือ 
ถ้าเราอ่านแบบเรียนไม่รู้เรื่อง ก็อย่าไปหวังจะดูตำราอื่นเลยครับ. 
จากนั้นให้รีบหา แบบฝึกหัด มาทำในแบบเรียนนั่นล่ะให้ได้หมดก่อน 
จากนั้นค่อย เสาะหาตำราคู่มือที่คิดว่าเราดี อ่านแล้วเข้าใจอีกซักเล่มนึงมา 
อ่านเนื้อหาให้หมด อีกที แล้วทำแบบฝึกหัดในเล่มนั้นให้จบหมด . 
สำคัญคือความตั้งใจนะครับ. 
ต้องเข้าใจว่าเรา มีความรู้ในบทนั้น ๆ จบแล้ว 
ทำไมยังทำโจทย์บางข้อไม่ได้ พยายามคิด 
สุดท้ายไม่ออก ก็ดูเฉลย แล้วต้องตอบตัวเอง 
ให้ได้ว่าเราโง่ตรงไหน ทำไมทำไม่ได้ 
โจทย์ข้อนั้น ๆ เป็นเทคนิคเฉพาะหรือเปล่า 
ต่อไป ก็เสาะหาพวกข้อสอบต่าง ๆ มาให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ว ก็ ทำ ๆ ๆ จนเกิดรู้สึกว่า 
บรรลุ !!! ในเรื่องนั้น ๆ มันเป็นความรู้สึกคล้าย ๆ สำเร็จเป็นผู้วิเศษอะไรทำนองนั้น หรือฝึกวิทยายุทธสำเร็จแบบนั้น 
มองโจทย์ปุ๊บ จะเกิดความคิด แปร๊บ ๆ ขึ้นมานึกออกทะลุหมด 
เมื่อนั้นรู้สึกแบบนี้เมื่อไร ให้รีบสรุปเนื้อหาบทนั้น ๆ ออกมา 
ในกระดาษขนาดประมาณ 2.5 นิ้ว คูณ 4 - 5 นิ้วครับ. 
ใช้หน้าหลังเขียนให้พอให้ได้ใน บทต่อ แผ่น อาจจะมียกเว้นบางบท 
เช่น สถิติ อาจใช้ถึง แผ่น หรือตรีโกณ แผ่น ส่วนใหญ่ไม่เกินหรอกครับ. 
จากนั้นปาตำราบทนั้น ๆ ทิ้งไปเลยครับ

8. สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำอะไรก็ตามที่
         คือ ต้องมีความรู้ติดสมอง สามารถหยิบมาใช้การได้ทันทีครับ. ถ้าคิดจะเรียนเพื่อสอบนั่นก็แสดงว่า กำลังคิดผิดอย่างใหญ่หลวงครับ. เด็กสมัยใหมนี้ชอบคิดว่าเรียน ๆ ไปเพื่อสอบ สอบเสร็จก็เลิก 
นั่นเป็นเพราะผลพวงของระบบ แข่งในการศึกษาของไทยเราครับ. เด็กต้องสอบ Entrance เข้าต่อ 
ทำให้ไม่เกิดความรู้สึกในการใฝ่รู้ 
ต้องเข้าใจว่าเราเรียนหนังสือนี่ ต้องถือว่าไม่มีใครมาบังคับเรา 
เราเรียนเพื่อตัวเราเอง เพื่อพัมนาสมองเราเอง พัฒนา มุมมองความคิดต่าง ๆ 
เพื่อให้เราเป็นยอดคนเอง สามารถที่จะพึ่งตัวเองได้ทุกเมื่อ 
ไม่ว่าจะยังอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองหรือหลุดจากอ้อมแขน บิดามารดาเมื่อไร 
ต้องสามารถที่จะกล้าคิดและทำ พึ่งตัวเอง ยังชีพตัวองในสังคมนี้ได้ครับ. 
ดังนั้น จากข้อ 7. เราต้องบันทึกความรู้ที่เรารู้แล้ว 
ให้เป็นความรู้ยาวนานติดสมอง 
โดยทำดังต่อไปนี้ค๊ะ
        - ให้นึก ! โน๊ตย่อที่เราสรุปเอง อาทิตย์ละหน ติดต่อกัน ซัก เดือนหรือ อาทิตย์
นึกนะครับ . ไม่ใช่เปิดดูถ้านึกไม่ออก แสดงว่าไม่ได้สรุปเองแล้วล่ะเปิดหนังสือ แล้วสรุปตามแหง ๆ 
จากนั้นให้ทิ้งห่างเป็น นึก เดือนต่อครั้ง 
จนเริ่มรู้สึกเบื่อ เพราะนึกทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว
ให้เลิกครับ. ใกล้สอบค่อยว่ากันอีกที 
กระบวนการที่ว่านึกตั้งแต่ อาทิตยืจนเลิกนึกนี่ 
คาดว่าไม่ตำกว่า เดือนนะครับ. 
ใครน้อยกว่านี้ แสดงว่าโกหกตัวเองชัวร์

9. กระบวนการสุดท้าย เป็นการเพิ่มพลังความมั่นใจในตัวเองซึ่งต้องกระทำติดต่อกันบ่อยๆ เรื่อยๆ คือกระบวนการสอบแข่งขันครับ.

        ตรงนี้สำคัญมาก ถ้าเป็นไปได้สอบแข่งซะแต่ 
ม.จนจบ ม.เลย จะทำให้เรารู้อันดับตัวเอง 
เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ครับ. เช่นเราอาจจะเรียนได้เกรดดี แต่พอสอบแข่ง จริง ๆล่ะ สู้เขาได้ใหม 
ทักษะในการทำข้อสอบ มีใหม 
เข้าห้องก็เดินหน้าลุยทำแต่ข้อแรกยันข้อสุดท้ายเลยหรือเปล่า 
ก็พวก สมาคม โอลิมปิก หรืออะไรก็ตามที ทั้งสอบแข่งในโรงเรียน 
เช่น โรงเรียนจัดเอง หรือสัปดาห์ต่าง เช่น สัปดาห์วันวิทยาศาสตร์ 
ภาษาอังกฤษ โคงงงานวิทยาศาตร์ ตอบปัญหาภาษาไทย อังกฤษ ฯลฯ 
สุดท้ายทั้งหมดที่ว่ามา ถ้าน้องคนไหนทำได้นะครับ. ซัก 1 - 2 ปี รู้ผลแน่ 
พี่รับรองได้ 100 % เลยว่าอย่างน้อยต้องอยู่ในอันดับ 1 - 3 ของชั้น 
แน่นอน อันดับระดับประเทศ ก็ไม่เกิน 50 อย่างมาก 
อ้อ ลืมบอกไปครับ. สิ่งสำคัญคือการอ่านล่วงหน้าครับ. 
ช่วงปิดเทอม ก็อ่านของเทอมหน้านู้นหรือ อยู่ ม.จะอ่านของ ม.ก็ได้นะไม่ผิด       

รักในวัยเรียน

                                         รักในวัยเรียน

การมีความรักถือว่าเป็นสิ่งที่ดี  ถ้าเรารู้จักที่จะแยกแยะว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ  โดยเฉพาะกับนักเรียน  นักศึกษา  ที่มีความรักในวัยเรียน  การมีความรักในวัยเรียนถือว่าไม่ผิด  แต่ควรมีในกรอบที่ดี  ไม่ออกนอกลู่นอกทาง  ความรักไม่ใช่แฟชั่นที่สามารถนำมาเป็นเรื่องสนุกๆ ยิ่งกับวัยรุ่นเห็นเพื่อนมีแฟน อยากมีแฟนบ้าง  เพราะถือว่าใครไม่มีแฟนถือว่าเชย  ความคิดแบบนี้เป็นความคิดที่ผิดๆ  สำหรับบางคนความรักเป็นเหมือนกำลังใจที่จะผลักดันให้สามารถที่จะทำอะไรก็ได้ให้สำเร็จ  เป็นการส่งเสริมกันและกัน  และช่วยกันจนสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมกัน  แต่บางคนก็พากันออกนอกสู่นอกทาง  จนเกิดเป็นปัญหาสังคม  เช่น  การชิงสุกก่อนห่าม  การตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมเป็นต้น

         ประชาชนทุกคนต้องเห็นความสำคัญของการป้องกันท้องในวัยทีน โดยถือ  ว่าเป็นหน้าที่ของพลเมืองดีที่จะช่วยกันอบรมสั่งสอน (เท่าที่จะเป็นไปได้)  สอดส่องดูแลความประพฤติของวัยรุ่น ช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งผู้ปกครอง  สถานศึกษา ตำรวจ ฯลฯ  

วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปัญหาของวัยรุ่น

1.การต่อต้านผู้ใหญ่ ไม่เชื่อฟังในสิ่งที่ผู้ปกครองบอก ส่วนใหญ่จะเชื่อเพื่อนและไปตามเพื่อน 
2.ปัญหาทางด้านการเรียน การใช้สมอง สติ ปัญญา ในการเรียนจะลดน้อยลงเนื่องจากเด็กวัยรุ่นบางคนเที่ยวกลางคืน และ ไม่มีเวลาสำหรับพักผ่อน
3.การมีรักในวัยเรียน บางคนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ซึ่งทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา เช่น การทำเเท้ง การติดโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์
4.ปัญหาการติดยาเสพติด การใช้ยาเสพติดเป็นเรื่องของความ"อยากลอง" "ตามเพื่อน" 
5.วัยรุ่นกับเกมส์ ปัญหาเกี่ยวกับการติดเกมส์ จนมากเกินไป จนไ่ม่สนใจทบทวนบทเรียน,ทำการบ้าน,อ่านหนังสือ
6.ปัญหาของวัยรุ่นเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เพราะเห็นว่าเป็นปัญหาที่สังคมไทยกำลังเผชิญและต้องรับมือกับผลกระทบมากมาย จึงเป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไกล แต่คนในสังคมกลับไม่ยกระดับของตนเองให้สูงเหมือนกลับเทคโนโลยีทำให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในทางที่ผิดผิด โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรมและจริยธรรม  แต่กลับนำมาสร้างผลประโยชน์ ให้กับตนเอง เช่น การทำสื่อลามกอนาจาร การเผยแพร่รูปลามกต่างๆ เป็นต้น การกระทำดังกล่าวเป็นการเปิดช่องทางให้เด็กและเยาวชนรับข้อมูลที่ผิดและไม่เกิดประโยน์ ทำให้มองว่าการแสดงออกทางเพศเเละการมีเพศสัมพันธ์
7.หนีออกจากบ้านส่วนสำคัญมาจากพ่อแม่ ผู้ปกครองเลี้ยงลูกแบบประประหนมไม่กล้าดุว่ากลัวลูกโกรธ แต่เมื่อโดนดุว่าและตำหนิก็โมโห ฉุนเฉียว โกรธ และทำการประชดประชันด้วยการหนีออกจากบ้าน 
(ดูข้อมูลเพิ่มเติม โปรดคลิกที่นี่)http://www.dek-d.com

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ที่ได้รับจากบล็อกเกอร์

วันนี้ เจษ ครีม ป๊อป จะขอนําทุกท่านเข้าสู่โลกเเห่งบล็อกเกอร์ สิ่งที่จะทําให้ทุกท่านพบกับความเเปลกใหม่โลกเเห่งการศึกษา  ที่จะทําให้ท่านเห็นคุณค่าของอินเตอร์เน็ต  เเละใช้อินเตอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์